ธรรมะกับความรัก
แน่นอนว่าในชีวิตของทุกคนล้วนเคยมีความรู้สึกแบบนี้
ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหน สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้คือความรู้สึกรักหรือที่เราเรียกกันว่าความรักความรักมันเกิดขึ้นในชีวิตของเรามักมีหลายรูปแบบการรักคนที่ดูแลและรักเรามาตลอดคือพ่อแม่ครอบครัวการรักคนที่คิดว่าถูกใจ
หลงในรูปลักษณ์ภายนอกคือการหลงรักดาราคนดังการรักคนใกล้ตัวคนที่ถูกใจเราเราชอบ
โดยที่เขาไม่รู้ตัวเขาเรียกว่าการแอบรัก ความรักที่เราพบเจอมีหลายรูปแบบ
แต่เราเคยคิดมัยว่าการรักอย่างมีสติเป็นเช่นไรการนำธรรมะมาประยุกต์ใช้
รักอย่างไรเราจึงจะสุขอย่างแท้จริง รักเช่นไรเราจึงทุกข์
“ความรัก
กับธรรมะ อันที่จริงเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะธรรมะเป็นความจริง
ทุกอย่างที่เป็นความจริงในโลกนี้ ก็คือ ธรรมะ เราทุกคนเรียนรู้พระพุทธศาสนา
เพื่อจะเข้าใจความจริงต่างๆ ของโลก และความรัก ก็เป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งของโลก
ทั้งสองสิ่งจึงเกี่ยวข้องกันด้วยเหตุนี้ความรักในเชิงของธรรมะ คือ พรหมวิหาร 4
ที่ประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ซึ่งเป็นความปรารถนาดี
อยากเห็นคนที่เรารักพ้นจากความทุกข์ มีความยินดีที่ได้เห็นเขามีความสุข
มีความเมตตา และเข้าใจเมื่อเวลาที่เขาไม่เป็นอย่างใจเราต้องการความรักระหว่าง
คู่รัก ครอบครัว หรือเพื่อน ไม่ต่างกันในรูปแบบ แต่ต่างกันในเรื่องการแสดงออก
เพราะหากเป็นพ่อแม่ เราจะมีความผูกพัน ห่วงใย ปรารถนาดีและเกื้อกูลกันมากกว่า
แต่การแสดงออกว่ารัก อาจจะไม่เทียบเท่ากับคู่รัก ที่สามารถแสดงออกมาได้ทันที ส่วนคู่รักก็จะมีเรื่องอื่นเพิ่มเข้ามา
อย่างเช่น ความสัมพันธ์ทางกายภาพ เป็นต้น แล้วจะ รัก อย่างไรไม่ให้เป็นทุกข์การที่จะรักโดยไม่เป็นทุกข์นั้น
สิ่งสำคัญคือ ต้องรักอย่างมี สติ ปัญญา และมี พรหมวิหาร 4 ประจำใจ ถ้ารักคนนี้ และต้องการให้เขารักตอบ
และเป็นของเราเพียงคนเดียว แสดงความเป็นเจ้าของ
สิ่งเหล่านี้เป็นการรักตัวเองมากกว่า ความวุ่นวายและทุกข์ก็จะเกิดขึ้น
ในทางตรงกันข้าม
หากตัวเรานึกถึงจิตใจผู้อื่นมากกว่าตนเองก็จะทำให้เรายอมรับความจริงและเข้าใจในความรักมากขึ้น แบบไหนคือ รัก หรือ หลง ความรัก ความหลงสามารถแยกออกจากกันได้อย่างสิ้นเชิง
‘ความหลง’ เราจะมีอาการไม่เป็นตัวของตัวเอง
จะคิดถึงแต่ความต้องการของตนเองเป็นหลัก อยากได้ อยากมี อยากให้เขาเป็นของเรา
มีแต่เรื่องความต้องการอย่างเดียว แต่เมื่อเรารักใครสักคนหนึ่ง
เราจะรับรู้ได้เลยว่า จะมีแต่ความปรารถนาดี อยากให้เขามีความสุข
มีอนาคตที่สดใส เจอคนที่ดี ต้องการจะปกป้องเขา
อยากทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น ซึ่งบางครั้งไม่ต้องเป็นคนรักกันก็ได้เรียน รู้ รัก
ด้วยสติความรักต้องเริ่มรักอย่างมี สติสัมปชัญญะ เพราะสิ่งเหล่านี้
จะทำให้เรารู้จักแยกแยะได้ว่า สิ่งไหน ถูกต้องและสมควร อย่างวัยเด็ก
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การเรียนหนังสือ เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ อันที่จริงแล้ว
ความรักมีได้ แต่ต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อสิ่งเหล่านี้
และไม่ควรย้อนกลับมาทำร้ายพ่อแม่ และตัวของเราเองด้วย เพราะในโลกนี้
ผู้ชายจะหาผู้หญิงที่รักเราเท่ากับ ‘แม่’ ไม่มีอีกแล้ว
ส่วนผู้หญิงเองก็ไม่มีผู้ชายคนไหนมอบความรักอันบริสุทธิ์มากเท่ากับ พ่อ ของเรา
แง่คิดของธรรมะอิกรูปแบบหนึ่งคือ
พระพุทธองค์ตรัสว่า
"ไม่ควรปล่อยตนให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งความรัก
เพราะการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักเป็นเรื่องทรมาน
และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย
ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ
ไม่วันใดก็วันหนึ่ง"
ความเชื่ออิกรูปแบบหนึ่งของมนุษย์คือการเชื่อเรื่องเนื้อคู่
หรือบุพเพสันนิวาสและนี้ก็คืออิกรูปแบหนึ่งของการใช้ธรรมมะในการอธิบาย
คู่แท้ตามหลักศาสนาพุทธ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ความรักจะเกิดด้วยเหตุสองอย่าง 1.บุพเพสันนิวาส บางคนเนี่ยแค่ได้ยินชื่อก็เกิดความประทับใจแล้ว
แต่ยังไม่ได้เกิดความรักนะ ความรักจะมี 2 อย่าง
หนึ่งคือเสน่หา สองเมตตา เสน่หาเนี่ยพอเราได้ยินชื่อปุ๊บ โห!ประทับใจเหลือเกิน
อย่างนี้เรียกเสน่หา แต่คำว่าเสน่หาจะมีความรุนแรงมาก
เป็นความรักที่ต้องการครอบครอง ก็เกิดการแสวงหา อาจจะเกิดจากบุพเพสันนิวาส
การได้เคยอยู่ร่วมเคียงหมอนในชาติปางก่อน แค่ได้ยินชื่อ แค่ได้เห็นรูป
แค่ได้ยินเสียง ผ่านการแชท การไลค์ แต่ยังไม่ได้พูดคุย
อาจจะได้เห็นผ่านตัวหนังสือของอีกฝ่ายหนึ่งก็เกิดความประทับใจ 2 การเกื้อกูลในปัจจุบันชาติ
จะสัมฤทธิ์ผลได้จะต้องมีการช่วยเหลือเกื้อกูลก็จะเกิดเป็นความรักได้ที่ยังอยู่ด้วยกันก็เพราะอาศัยการอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน คือทำบุญด้วยกันแต่ชาติปางก่อน แต่ในชาตินี้ไม่ได้เกื้อกูลกัน คือไม่ได้ให้ความรัก ไม่ได้ให้ความเมตตา ไม่ได้ให้ของที่เราจัดหาให้อีกฝ่ายหนึ่ง อยู่ด้วยกันจะต้องเชื่อใจกัน เท่านั้นยังไม่พอจะต้องมีวจีไพเราะ แต่ถามว่าจากไปแล้วทำไมยังคิดถึง ทำไมมาอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนอีกครั้งหนึ่ง ก็เพราะอาศัยบุญเก่า ก็ต้องอยู่จนชีวิตจะหาไม่เพราะบุพเพสันนิวาสนั้นแรงมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าให้แต่บุพเพสันนิวาสเลือกให้อย่างเดียว ตัวเราเองต้องพิจารณาด้วย
ถ้าพูดว่าเหมือนก็เหมือน ถ้าพูดว่าต่างก็ต่าง พรหมลิขิตเป็นในส่วนของศาสนาพราหมณ์ แต่ในส่วนของศาสนาพราหมณ์พระพรหมเป็นคนเขียน เขียนไว้ที่หน้าผาก เขียนไว้ที่ลายมือ เขาถือว่าพระพรหมณ์เป็นผู้สร้าง หมอดูถึงชอบดูลายมือ แต่จริงๆแล้วพระพุทธเจ้าบอกว่ามันเป็นกรรมลิขิต กรรมลิขิตในที่นี้ก็คือ บุพเพสันนิวาส กรรมที่กระทำแต่ชาติปางก่อนให้ชีวิตคู่มาเจอกัน ไม่ต้องแสวงหา อย่างเมื่อเช้าไปงานแต่งงาน เจ้าบ่าวเจ้าสาวอายุน่าจะเกือบๆ 50 ทั้งคู่ยังไม่เคยผ่านการแต่งงานเลยนะ เจ้าสาวอยู่อุบล เจ้าบ่าวอยู่นครศรีฯ มาเจอกันคือไปซื้อบ้านวันเดียวกัน เวลาเดียวกัน ไปเจอกันพอดี ได้บ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน คือข้างบ้านของเจ้าสาวเต็มหมดแล้วเหลือหลังเดียว ฝั่งทางเจ้าบ่าวก็เต็มหมดแล้วเหลือหลังเดียว นี่เขาเรียกว่าเป็นกรรมลิขิต หรือบุเพสันนิวาส
พระพุทธเจ้าตรัสว่าสาเหตุแห่งความเลื่อมใสมี 4 ประการ ประการที่ 1 เห็นรูปแล้วก็ชอบ ประการที่ 2ได้ยินเสียง ประการที่ 3 เห็นการแต่งตัว ประการสุดท้ายก็คือ การได้เห็นคำพูด ถ้าถามว่าผิดไหม ถือว่าเป็นบาปไหม ถึงจะเป็นทางใจก็ตามมันจะทำให้กายของเราฝักใฝ่ อยากจะได้มาครอบครอง เขาเรียกว่าเป็นเบื้องต้น
ถือเป็นอาการลังเล แล้วจะเกิดเป็นความหลง ความหลงสำคัญมากเพราะจะทำให้เกิดอันตรายทั้งกับของตัวเองและในส่วนของผู้อื่นด้วย เหมือนโบราณวาไว้ว่าเหยียบเรือสองแคม สุดท้ายตัวเองก็ตกน้ำ สุดท้ายตัวเองก็เป็นทุกข์โดยที่คนอื่นยังรอดปลอดภัย ทั้งๆที่เราจมน้ำ ถึงไม่จมน้ำ แต่เราก็ต้องเปียกปอน สะบักสะบอม แล้วมันจะทำให้เกิดความแค้น การดับแค้นที่เกิดจากความรักต้องตั้งสติให้ดี มีสติสัมปชัญญะ รู้ตัว เป็นเครื่องดับที่ดีมาก
ถามว่าแผลที่อยู่ในมันหมดลงได้ไหม มันหมดไปไม่ได้หรอก เหมือนกับเราเอาตะปูไปตอกที่ไม้ ต่อให้เราถอนตะปูออก แผลก็ยังติดอยู่ที่ไม้ ยังเป็นรู สิ่งที่จะประสานให้แผลนั้นมันมีน้อยนิดเดียวก็คือ สติ ตั้งสมาธิ สงบจิตใจ เจอหน้ากันทีไรก็ยังระลึกอยู่ แต่อยู่ที่ว่าจะระลึกไปในทางไหน ทางความรักที่มี หรือทางความแค้นที่มี
ในส่วนของคู่เวรคู่กรรม ถ้าอยู่แล้วไม่มีความสุขเราจะสลัดหลุดเองได้ไหม
หรือต้องรอกรรมหมดไป
บุพเพสันนิวาสกับพรหมลิขิต เป็นชู้ทางใจผิดไหม ตามหลักพระพุทธศาสนาบาปแค่ไหน
ถ้ายังไม่แต่งงาน คุยกับผู้ชายหลายคนบาปไหมบาดแผลในใจ จะลบล้างออกไปได้หรือไม่
อ้างอิง
- http://www.thaihealth.or.th/Content/19606-%E2%80%98%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%20%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%20%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%20%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%20%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E2%80%99.html
- http://www.dhammajak.net/lovestory/11.html
- http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=2667&t=news_special
- http://women.sanook.com/16809/
- http://pantip.com/topic/30743043
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น