วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บทความที่ 2

ธรรมะกับความรัก

แน่นอนว่าในชีวิตของทุกคนล้วนเคยมีความรู้สึกแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหน สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้คือความรู้สึกรักหรือที่เราเรียกกันว่าความรักความรักมันเกิดขึ้นในชีวิตของเรามักมีหลายรูปแบบการรักคนที่ดูแลและรักเรามาตลอดคือพ่อแม่ครอบครัวการรักคนที่คิดว่าถูกใจ หลงในรูปลักษณ์ภายนอกคือการหลงรักดาราคนดังการรักคนใกล้ตัวคนที่ถูกใจเราเราชอบ โดยที่เขาไม่รู้ตัวเขาเรียกว่าการแอบรัก ความรักที่เราพบเจอมีหลายรูปแบบ แต่เราเคยคิดมัยว่าการรักอย่างมีสติเป็นเช่นไรการนำธรรมะมาประยุกต์ใช้ รักอย่างไรเราจึงจะสุขอย่างแท้จริง รักเช่นไรเราจึงทุกข์




ความรัก กับธรรมะ อันที่จริงเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะธรรมะเป็นความจริง ทุกอย่างที่เป็นความจริงในโลกนี้ ก็คือ ธรรมะ เราทุกคนเรียนรู้พระพุทธศาสนา เพื่อจะเข้าใจความจริงต่างๆ ของโลก และความรัก ก็เป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งของโลก ทั้งสองสิ่งจึงเกี่ยวข้องกันด้วยเหตุนี้ความรักในเชิงของธรรมะ คือ พรหมวิหาร 4 ที่ประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ซึ่งเป็นความปรารถนาดี อยากเห็นคนที่เรารักพ้นจากความทุกข์ มีความยินดีที่ได้เห็นเขามีความสุข มีความเมตตา และเข้าใจเมื่อเวลาที่เขาไม่เป็นอย่างใจเราต้องการความรักระหว่าง คู่รัก ครอบครัว หรือเพื่อน ไม่ต่างกันในรูปแบบ แต่ต่างกันในเรื่องการแสดงออก เพราะหากเป็นพ่อแม่ เราจะมีความผูกพัน ห่วงใย ปรารถนาดีและเกื้อกูลกันมากกว่า แต่การแสดงออกว่ารัก อาจจะไม่เทียบเท่ากับคู่รัก ที่สามารถแสดงออกมาได้ทันที ส่วนคู่รักก็จะมีเรื่องอื่นเพิ่มเข้ามา อย่างเช่น ความสัมพันธ์ทางกายภาพ เป็นต้น แล้วจะ รัก อย่างไรไม่ให้เป็นทุกข์การที่จะรักโดยไม่เป็นทุกข์นั้น สิ่งสำคัญคือ ต้องรักอย่างมี สติ ปัญญา และมี พรหมวิหาร 4 ประจำใจ ถ้ารักคนนี้ และต้องการให้เขารักตอบ และเป็นของเราเพียงคนเดียว แสดงความเป็นเจ้าของ สิ่งเหล่านี้เป็นการรักตัวเองมากกว่า ความวุ่นวายและทุกข์ก็จะเกิดขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากตัวเรานึกถึงจิตใจผู้อื่นมากกว่าตนเองก็จะทำให้เรายอมรับความจริงและเข้าใจในความรักมากขึ้น แบบไหนคือ รัก หรือ หลง ความรัก ความหลงสามารถแยกออกจากกันได้อย่างสิ้นเชิง ความหลงเราจะมีอาการไม่เป็นตัวของตัวเอง จะคิดถึงแต่ความต้องการของตนเองเป็นหลัก อยากได้ อยากมี อยากให้เขาเป็นของเรา มีแต่เรื่องความต้องการอย่างเดียว แต่เมื่อเรารักใครสักคนหนึ่ง เราจะรับรู้ได้เลยว่า จะมีแต่ความปรารถนาดี อยากให้เขามีความสุข มีอนาคตที่สดใส  เจอคนที่ดี ต้องการจะปกป้องเขา อยากทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น ซึ่งบางครั้งไม่ต้องเป็นคนรักกันก็ได้เรียน รู้ รัก ด้วยสติความรักต้องเริ่มรักอย่างมี สติสัมปชัญญะ เพราะสิ่งเหล่านี้ จะทำให้เรารู้จักแยกแยะได้ว่า สิ่งไหน ถูกต้องและสมควร อย่างวัยเด็ก สิ่งสำคัญที่สุดคือ การเรียนหนังสือ เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ อันที่จริงแล้ว ความรักมีได้ แต่ต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อสิ่งเหล่านี้ และไม่ควรย้อนกลับมาทำร้ายพ่อแม่ และตัวของเราเองด้วย  เพราะในโลกนี้ ผู้ชายจะหาผู้หญิงที่รักเราเท่ากับ แม่ไม่มีอีกแล้ว ส่วนผู้หญิงเองก็ไม่มีผู้ชายคนไหนมอบความรักอันบริสุทธิ์มากเท่ากับ พ่อ ของเรา
แง่คิดของธรรมะอิกรูปแบบหนึ่งคือ
พระพุทธองค์ตรัสว่า
"ไม่ควรปล่อยตนให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งความรัก
เพราะการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักเป็นเรื่องทรมาน
และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย
ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง"


ความเชื่ออิกรูปแบบหนึ่งของมนุษย์คือการเชื่อเรื่องเนื้อคู่ หรือบุพเพสันนิวาสและนี้ก็คืออิกรูปแบหนึ่งของการใช้ธรรมมะในการอธิบาย
คู่แท้ตามหลักศาสนาพุทธ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ความรักจะเกิดด้วยเหตุสองอย่าง 1.บุพเพสันนิวาส บางคนเนี่ยแค่ได้ยินชื่อก็เกิดความประทับใจแล้ว แต่ยังไม่ได้เกิดความรักนะ ความรักจะมี 2 อย่าง หนึ่งคือเสน่หา สองเมตตา เสน่หาเนี่ยพอเราได้ยินชื่อปุ๊บ โห!ประทับใจเหลือเกิน อย่างนี้เรียกเสน่หา แต่คำว่าเสน่หาจะมีความรุนแรงมาก เป็นความรักที่ต้องการครอบครอง ก็เกิดการแสวงหา อาจจะเกิดจากบุพเพสันนิวาส การได้เคยอยู่ร่วมเคียงหมอนในชาติปางก่อน แค่ได้ยินชื่อ แค่ได้เห็นรูป แค่ได้ยินเสียง ผ่านการแชท การไลค์ แต่ยังไม่ได้พูดคุย อาจจะได้เห็นผ่านตัวหนังสือของอีกฝ่ายหนึ่งก็เกิดความประทับใจ 2 การเกื้อกูลในปัจจุบันชาติ จะสัมฤทธิ์ผลได้จะต้องมีการช่วยเหลือเกื้อกูลก็จะเกิดเป็นความรักได้
ที่ยังอยู่ด้วยกันก็เพราะอาศัยการอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน คือทำบุญด้วยกันแต่ชาติปางก่อน แต่ในชาตินี้ไม่ได้เกื้อกูลกัน คือไม่ได้ให้ความรัก ไม่ได้ให้ความเมตตา ไม่ได้ให้ของที่เราจัดหาให้อีกฝ่ายหนึ่ง อยู่ด้วยกันจะต้องเชื่อใจกัน เท่านั้นยังไม่พอจะต้องมีวจีไพเราะ แต่ถามว่าจากไปแล้วทำไมยังคิดถึง ทำไมมาอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนอีกครั้งหนึ่ง ก็เพราะอาศัยบุญเก่า ก็ต้องอยู่จนชีวิตจะหาไม่เพราะบุพเพสันนิวาสนั้นแรงมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าให้แต่บุพเพสันนิวาสเลือกให้อย่างเดียว ตัวเราเองต้องพิจารณาด้วย
ถ้าพูดว่าเหมือนก็เหมือน ถ้าพูดว่าต่างก็ต่าง พรหมลิขิตเป็นในส่วนของศาสนาพราหมณ์ แต่ในส่วนของศาสนาพราหมณ์พระพรหมเป็นคนเขียน เขียนไว้ที่หน้าผาก เขียนไว้ที่ลายมือ เขาถือว่าพระพรหมณ์เป็นผู้สร้าง หมอดูถึงชอบดูลายมือ แต่จริงๆแล้วพระพุทธเจ้าบอกว่ามันเป็นกรรมลิขิต กรรมลิขิตในที่นี้ก็คือ บุพเพสันนิวาส กรรมที่กระทำแต่ชาติปางก่อนให้ชีวิตคู่มาเจอกัน ไม่ต้องแสวงหา อย่างเมื่อเช้าไปงานแต่งงาน เจ้าบ่าวเจ้าสาวอายุน่าจะเกือบๆ 50 ทั้งคู่ยังไม่เคยผ่านการแต่งงานเลยนะ เจ้าสาวอยู่อุบล เจ้าบ่าวอยู่นครศรีฯ มาเจอกันคือไปซื้อบ้านวันเดียวกัน เวลาเดียวกัน ไปเจอกันพอดี ได้บ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน คือข้างบ้านของเจ้าสาวเต็มหมดแล้วเหลือหลังเดียว ฝั่งทางเจ้าบ่าวก็เต็มหมดแล้วเหลือหลังเดียว นี่เขาเรียกว่าเป็นกรรมลิขิต หรือบุเพสันนิวาส
พระพุทธเจ้าตรัสว่าสาเหตุแห่งความเลื่อมใสมี 4 ประการ ประการที่ 1 เห็นรูปแล้วก็ชอบ ประการที่ 2ได้ยินเสียง ประการที่ 3 เห็นการแต่งตัว ประการสุดท้ายก็คือ การได้เห็นคำพูด ถ้าถามว่าผิดไหม ถือว่าเป็นบาปไหม ถึงจะเป็นทางใจก็ตามมันจะทำให้กายของเราฝักใฝ่ อยากจะได้มาครอบครอง เขาเรียกว่าเป็นเบื้องต้น
ถือเป็นอาการลังเล แล้วจะเกิดเป็นความหลง ความหลงสำคัญมากเพราะจะทำให้เกิดอันตรายทั้งกับของตัวเองและในส่วนของผู้อื่นด้วย เหมือนโบราณวาไว้ว่าเหยียบเรือสองแคม สุดท้ายตัวเองก็ตกน้ำ สุดท้ายตัวเองก็เป็นทุกข์โดยที่คนอื่นยังรอดปลอดภัย ทั้งๆที่เราจมน้ำ ถึงไม่จมน้ำ แต่เราก็ต้องเปียกปอน สะบักสะบอม แล้วมันจะทำให้เกิดความแค้น การดับแค้นที่เกิดจากความรักต้องตั้งสติให้ดี มีสติสัมปชัญญะ รู้ตัว เป็นเครื่องดับที่ดีมาก
ถามว่าแผลที่อยู่ในมันหมดลงได้ไหม มันหมดไปไม่ได้หรอก เหมือนกับเราเอาตะปูไปตอกที่ไม้ ต่อให้เราถอนตะปูออก แผลก็ยังติดอยู่ที่ไม้ ยังเป็นรู สิ่งที่จะประสานให้แผลนั้นมันมีน้อยนิดเดียวก็คือ สติ ตั้งสมาธิ สงบจิตใจ เจอหน้ากันทีไรก็ยังระลึกอยู่ แต่อยู่ที่ว่าจะระลึกไปในทางไหน ทางความรักที่มี หรือทางความแค้นที่มี



ในส่วนของคู่เวรคู่กรรม ถ้าอยู่แล้วไม่มีความสุขเราจะสลัดหลุดเองได้ไหม หรือต้องรอกรรมหมดไป
 บุพเพสันนิวาสกับพรหมลิขิต เป็นชู้ทางใจผิดไหม ตามหลักพระพุทธศาสนาบาปแค่ไหน
 ถ้ายังไม่แต่งงาน คุยกับผู้ชายหลายคนบาปไหมบาดแผลในใจ จะลบล้างออกไปได้หรือไม่



อ้างอิง
  1. http://www.thaihealth.or.th/Content/19606-%E2%80%98%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%20%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%20%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%20%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%20%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E2%80%99.html
  2. http://www.dhammajak.net/lovestory/11.html
  3. http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=2667&t=news_special
  4. http://women.sanook.com/16809/
  5. http://pantip.com/topic/30743043










วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บทความที่ 1



The Air Force One




แอร์ฟอร์ซวันคืออะไร
แอร์ฟอร์ซวัน (อังกฤษ: Air Force One) เป็นรหัสเรียกขานโดยศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศ หรือ (Air Traffic Control; ATC) ของเครื่องบินทุกลำที่มีประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยสารอยู่บนเครื่องบินลำนั้นเครื่องบินจะมีการเรียกชื่อว่า แอร์ฟอร์ซวัน ขณะที่มีประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาอยู่บนเครื่องเท่านั้น แอร์ฟอร์ซ วันเป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นถึงความมีอำนาจและตำแหน่งประธานาธิบดีในปี ค.ศ. 1990 สำนักงานเลขานุการประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ได้จัดหาเครื่องบิน โบอิง 747-200บี รหัสที่หางเครื่อง คือ 28000 และ 29000 โดยมีชื่อว่า วีซี-25เอ (VC-25A) โดยเครื่องบิน 2 ลำนี้จะสงวนไว้ใช้กับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
ประวัติความเป็นมาของแอร์ฟอร์ซวัน
 เมื่อทีโอดอร์ รูสเวลต์ ได้ก้าวเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และได้นั่งเครื่องบินเป็นครั้งแรกในวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2453 ในเวลานั้นเอง เขาไม่มีห้องทำงานบนเครื่องแต่ วิลเลียม เอช. ทัฟท์ (William Howard Taft) ได้จัดเตรียมห้องทำงานบนเครื่องตอนที่เขาขึ้นรับตำแหน่ง ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การเดินทางไปไหนมาไหนของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานั้นมีความสำคัญและมีค่ามากที่สุด ระบบการสื่อสารไร้สายและการขนส่งที่รวดเร็วในระยะทางอันยาวไกลของการเดินทางของประธานาธิบดีนั้นเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ และระบบเหล่านั้นสามารถทำหน้าที่แทน ทำเนียบขาว ได้เมื่อประธานาธิบดีเดินทางไปที่ต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลกประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนแรกที่ได้โดยสารเครื่องบินซึ่งมีห้องทำงานบนเครื่องด้วยคือ แฟรงกลิน เดลาโน โรสเวลต์ โดยสายการบิน แพน-แอม (Pan-AM) โบอิง 314
ชื่อเครื่องบินที่ตั้งขึ้นเพื่อตำแหน่งของประธานาธิบดีชื่อแรกคือ ซี-87เอ วีไอพี ทรานสปอร์ต แอร์คราฟ (C-87A VIP transport aircraft) โดยมีเลขทะเบียนเครื่อง คือ 41-24159 และได้เปลี่ยนชื่อใหม่ในปี ค.ศ.1943 เพื่อใช้กัตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ชื่อ วีไอพี ทรานสปอร์ต (VIP Transport) และชื่อ เกรสส์ แวร์ ทู (Guess Where II) ได้จัดเตรียมไว้สำหรับ ประธานาธิบดีแฟรงกลิน เดลาโน โรสเวลต์ ในการเดินทางออกนอกประเทศ อย่างไรก็ตามหลังจากตรวจสอบเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ของเครื่องบิน ซี-87 หน่วยงาน United States Secret Service หรือ (U.S.S.S.) ได้ลงความเห็นว่า เครื่องบินรุ่นดังกล่าวไม่มีความปลอดภัยในการรับส่งประธานาธิบดีอีกต่อไป
หน่วยงาน U.S.S.S. ได้ให้เครื่องบิน ดักลาส ซี-54 สกายมาสเตอร์ (Douglas C-54 Skymaster) เข้ามารับผิดชอบรับส่งประธานาธิบดี โดยเครื่องบินลำนี้มีชื่อเล่นว่า Sacred Cow) ภายในเครื่องบินลำนี้ประกอบด้วย ห้องนอน ,เครื่องรับส่งวิทยุสื่อสาร และพัฒนาสำหรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอมเริกาโดยเฉพาะ เพื่อใช้งานในภารกิจต่าง ๆ
หลังจากประธานาธิบดีโรสเวลต์เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1945 แฮร์รี เอส. ทรูแมน ก็ได้เข้ารับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 33 ของสหรัฐอเมริกา และในปี ค.ศ.1947 เขาได้เปลี่ยนเครื่องจาก ซี-54 เป็น ซี-118 เลิฟท์มาสเตอร์ (C-118 Liftmaster) โดยให้รหัสเรียกขานว่า อินดิเพนเดนซ์ (Independence) โดยตั้งชื่อตามบ้านเกิดของทรูแมน ซึ่งเกิดที่เมือง อินดิเพนเดนซ์ รัฐมิสซูรี (Independence, Missouri) ซึ่งเป็นเครื่องบินลำแรกที่รักษาการแทนเครื่อง แอร์ฟอร์ซวัน และได้ลงลายนกอินทรีใหญ่หัวสีขาวซึ่งเป็นนกประจำชาติของอเมริกา บนหัวของเครื่องบินลำนี้ด้วย
ในขณะที่ ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ (Dwight D. Eisenhower) ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เพื่อความปลอดภัยของตำแหน่งประธานาธิบดีจึงได้มีการเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่จาก 1953 เป็น 8610 ซึ่งเป็นของสายการบินอีสเทิร์นแอร์ไลน์ (Eastern Air Lines) จึงมีชื่อเรียกเป็น แอร์ฟอร์ซ 8610 (Air Force 8610) และหลังจากนั้นได้ไม่นาน เครื่องบินที่มีประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาโดยสารอยู่นั้นก็ได้เปลี่ยนชื่อเรียกใหม่เป็น แอร์ฟอร์ซวัน (Air Force One) และชื่อเรียกนี้ก็ใช้กันจนถึงปัจจุบัน
ไอเซนฮาวร์ ได้เพิ่มในส่วนของเครื่องยนต์ใบพัด 4 เครื่องให้เครื่องบินรุ่น Lockheed C-121 Constellations และเปลี่ยนชื่อเครื่องบินใหม่เป็น Columbine II และ Columbine III โดยภรริยาของไอเซนฮาวร์ ชื่อMamie Eisenhower ประธานาธิบดี ไอเซนฮาวร์ ได้เพิ่มเทคโนโลยีใหม่ ๆ ลงในเครื่องบิน เช่น โทรศัพท์ เพื่อใช้ติดต่อกันระหว่างเครื่องบินและภาคพื้น , เครื่องรับส่งโทรเลข เป็นต้น และก่อนที่ ไอเซนฮาวร์ จะหมดวาระลงในปี 1958 เขายังได้นำเครื่องบิน โบอิง 707 เครื่องยนต์เจ็ตเข้าประจำการเป็น แอร์ฟอร์ซ ด้วยกันถึง 3 ลำ โดยใช้รุ่น วีซี-138เอส และได้รับการแต่งตั้งชื่อเป็น แซม970, แซม971 และแซม 972 (VC-137s designated SAM 970, 971, and 972) ไอเซนฮาวร์ ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง และเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนแรกที่ได้ใช้เครื่อง วีซี-137(VC-137)โดยเที่ยวบิน Flight to Peace ใช้เวลาในการเดินทางนานถึง 19 วัน ในระหว่างวันที่ 3 ธันวาคม ถึง 22 ธันวาคม 1959 และได้ไปเยี่ยมประเทศในภูมิภาคเอเชียนถึง 11 ประเทศ ใช้ระยะทาง 22,000 ไมล์ หรือ 35,000 กิโลเมตร



               ในปัจจุบันได้มีแอร์ฟอร์ซวันลำไหม่แล้วโดยอยู่ในสมัยประธานาธิบดีโอบาม่าโดยมีชื่อว่าเพนตากอน ประกาศเลือกโบอิ้ง 747-8 เป็นเครื่องบินโดยสารลำใหม่ที่จะมาทำหน้าที่ 'แอร์ฟอร์ซวัน' ของ ปธน.สหรัฐฯ ด้วยเหตุผล คือ เป็นแบบเดียวที่ทำในสหรัฐอเมริกา และมีคุณสมบัติตรงกับที่ต้องการ
เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2558 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน ได้ประกาศผลการคัดเลือกให้ โบอิ้ง 747-8 ได้เป็นเครื่องบินโดยสารลำใหม่ของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เพื่อทดแทนในฝูงบินของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปัจจุบัน ที่มีเครื่องบิน VC-25 ประจำการ 2 ลำ โดยเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 747-200 ที่ดัดแปลงมาเป็นพิเศษ และมีชื่อรหัสที่รู้จักกันดีนั่นคือ 'แอร์ฟอร์ซวัน' (Air Force One) แต่บางครั้งก็มีลำอื่นที่ถูกเรียกว่า แอร์ฟอร์ซวัน ตามการโดยสารของ ปธน.โดยกองทัพอากาศสหรัฐฯ มีแผนจะปลดประจำการ VC-25 ในปี 2017 และจะมีการคัดสรรเครื่องบินรุ่นใหม่มาทดแทนเครื่องเก่าที่ใช้งานมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 90
ข่าวการจัดหาแอร์ฟอร์ซวันลำใหม่ มีมานานพักใหญ่และคนในวงการเครื่องบินทั่วโลกต่างมุ่งไปที่ 2 ตัวเก็งที่เป็นเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ 4 เครื่องยนต์ ที่มีสมรรถนะสูง พิสัยการบินไกล และมีลำตัวกว้างขวาง ได้แก่ โบอิ้ง 747-8 และ แอร์บัส เอ380-800 ที่ทั้งคู่ต่างมีคุณสมบัติที่ตรงตามความต้องการพื้นฐาน
เครื่องบินตระกูลจัมโบ้เจ็ตรุ่นล่าสุดของโบอิ้ง
เดโบร่าห์ ลี เจมส์ เลขาธิการกองทัพอากาศสหรัฐฯ กล่าวว่า เครื่องบินของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คือ 1 ในเอกลักษณ์เห็นแล้วคือสัญลักษณ์ของสหรัฐอเมริกา และยังเป็นที่ทำงานของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โบอิ้ง 747-8 เป็นเครื่องบินรุ่นเดียวที่สร้างและประกอบในแผ่นดินสหรัฐอเมริกา ที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจ ปธน.สหรัฐฯ ในฐานที่ทำงานของประธานาธิบดี สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชนในระดับชาติทั้งนี้ โบอิ้ง 747-8 แอร์ฟอร์ซวัน จะมีความแตกต่างไปจากเครื่องบิน 747-8 เดิมที่ใช้ในสายการบินพาณิชย์อย่างมาก ถึงเวลาแล้วที่เครื่องบินของปธน.สหรัฐฯ จะถูกอัพเกรดความล้าสมัยทำให้แหล่งหาอะไหล่เหลือน้อย และยังต้องการการบำรุงรักษามากขึ้น กลายเป็นความท้าทายการเตรียมความพร้อมปฏิบัติงานที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าที่เครื่องบินลำใหม่จะเข้าประจำการ เมื่อกองทัพอากาศต้องให้บริการประธานาธิบดี การเดินทางอากาศที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ในระดับสูง รวมทั้งมีขีดความสามารถในการสื่อสาร ที่สามารถทำงานได้เหมือนทำเนียบ

เครื่องบินลำใหม่จะมีอายุการใช้งานราวๆ 30 ปี โดยทางรัฐบาลจะทำสัญญาสั่งซื้อและให้โบอิ้งสร้างเครื่องบินและดัดแปลงให้กลายเป็นแอร์ฟอร์ซวัน ภายใต้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2015-2019 สำหรับเครื่องบิน 2 ลำ ราวๆ 1.65 พันล้าน ทั้งนี้ แม้ว่ากองทัพอากาศสหรัฐฯ จะพิจารณาแอร์บัส เอ380 เป็นตัวเลือก แต่การที่เครื่องบินที่ใช้อยู่เป็นโบอิ้ง ผลที่ออกมาจึงไม่น่าแปลกใจประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่โดยสารเครื่องบินระหว่างการดำรงตำแหน่งเป็นคนแรก คือ ธีโอดอร์ รูสเวลล์ และเมื่อปี ค.ศ.1910 เขายังเคยบินกับเครื่องบินต้นแบบยุคแรกของพี่น้องตระกูลไรท์มาแล้วแอร์ฟอร์ซวันลำก่อนหน้า เป็น ซี-137 ใช้ในช่วงทศวรรษที่ 60-90แอร์ฟอร์ซวัน ที่เป็นเครื่องบินเจ็ตไอพ่น สร้างมาจากแบบแผนของเครื่องบินโดยสาร โบอิ้ง 707 หรือ ซี-137 สตราโตไลน์เนอร์ ในแบบทางทหารในยุค 1960 โดยมีชื่อเสียงจากการเดินทางไปต่างประเทศของ อดีต ปธน.จอห์น เอฟ.เคเนดี้โบอิ้ง 747-200 หรือ VC-25 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ถูกเสนอสั่งซื้อสมัยอดีต ปธน.โรนัลด์ เรแกน โดยนางแนนซี่ เรแกน อดีตสุภาพตรีหมายเลข 1 เป็นผู้ออกแบบการตกแต่งภายใน แต่การสร้างล่าช้าจึงเสร็จไม่ทันใช้ทันในสมัยของเรแกน เพราะคนที่ได้ใช้ VC-25 เป็นคนแรก คือ อดีต ปธน.จอร์จ ดับเบิลยู บุช 



อ้างอิง
http://www.geocities.ws/aircav1st/avnlink_files/Air.htm
http://mcot-web.mcot.net/lively/content.php?id=50aa09ee150ba0ec01000017
http://mcot-web.mcot.net/lively/content.php?id=50aa09ee150ba0ec01000017
http://www.thairath.co.th/content/477809
http://www.thairath.co.th/content/477809





วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แบบฝึกหัดบทที่ 4 เทคโนโลยีสารสนเทศ


แบบฝึกหัด

บทที่ 4 เทคโนโลยีสารสนเทศ                 กลุ่มเรียนที่ 4

รหัสวิชา  0026008
ชื่อ นางสาวมนต์ตรา ดาศรี รหัสนิสิต 56010215025

1.ให้นิสิตยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตามหัวข้อต่อไปนี้ อย่างน้อยหัวข้อ       ละ 3 ชนิด แล้วแลกเปลี่ยนกันตรวจสอบกับเพื่อน



1) การบันทึกและจัดเก็บข้อมูล

                USB flash drive
                DVD
                MEMORY STICK

2) การแสดงผล

              LASER PRINTER
              SPEAKER
              LCD MONITOR


3) การประมวลผล

               -ซีพียู (CPU)
               -หน่วยความจำหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว
               -หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้ (Random Access -Memory - RAM) 


4) การสื่อสารเเละเครือข่าย

             1.เครือข่ายแบบดาว (Star topology) เป็นการเชื่อมต่อแบบจุดต่อจุด โดยสถานีทุกสถานีในเครือข่ายจะต่อเข้ากับหน่วยสลับสายกลางแบบจุดต่อจุด การติดต่อสื่อสารระหว่างสถานีจะกระทำได้ด้วยการติดต่อผ่านทางวงจรของหน่วยสลับสายกลาง การทำงานของหน่วยสลับสายกลางจึงคล้ายกับศูนย์กลางของการติดต่อวงจรเชื่อมโยงระหว่างสถานีต่างๆ ที่ต้องการติดต่อกัน

              2.เครือข่ายแบบบัส เป็นรูปแบบที่มีผู้นิยมใช้มากแบบหนึ่ง เพราะมีโครงสร้างไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องใช้อุปกรณ์สลับสาย การเชื่อมต่อมาลักษณะเป็น การเชื่อมต่อแบบหลายจุด สถานีทุกสถานีรวมทั้งอุปกรณ์ทุกชิ้นในเครือข่าย จะเชื่อมต่อเข้ากับสายสื่อสารหลักเพียงสายเดียวเรียกว่า แบ็กโบน (Backbone) การจัดส่งข้อมูลลงบนบัส จึงสามารถทำให้การส่งข้อมูลไปถึงทุกสถานีได้ผ่านสายแบ็กโบนนี้ โดยการจัดส่งวิธีนี้ต้องกำหนดวิธีการที่จะไม่ให้ทุกสถานีส่งข้อมูลพร้อมกัน เพราะจะทำให้ข้อมูลชนกัน โดยวิธีการที่ใช้อาจเป็นการแบ่งช่วงเวลา หรือให้แต่ละสถานีใช้ความถี่สัญญาณที่แตกต่างกัน 

          3.เครือข่ายแบบวงแหวน (ring topology) เป็นลักษณะการเชื่อมต่อแบบจุดต่อจุดเช่นเดียวกับแบบดาว โดยสถานีแต่ละสถานีจะต่อกับสถานีที่อยู่ติดทั้งสองข้างของตนเอง และทุกสถานีมีเครื่องขยายสัญญาณของตัวเอง โดยจะมีการเชื่อมโยงเครื่องขยายสัญญาณของแต่ละสถานีเข้าด้วยกันเป็นวงแหวน สัญญาณข้อมูลจะส่งอยู่ในวงแหวนแบบจุดต่อจุดไปในทิศทางเดียวกัน จนถึงผู้รับภายในเวลาที่กำหนด โดยเครื่องขยายสัญญาณเหล่านี้จะมีหน้าที่ในการรับข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของตัวเอง หรือจากเครื่องขยายสัญญาณตัวก่อนหน้า และส่งข้อมูลต่อไปยังเครื่องขยายสัญญาณตัวถัดไปเรื่อย ๆ เป็นวง หากข้อมูลที่ส่งเป็นของสถานีใด เครื่องขยายสัญญาณของสถานีนั้นก็รับและส่งให้กับสถานีนั้น จึงต้องมีการตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับว่าเป็นของตนหรือไม่ ถ้าใช่ก็รับไว้ ถ้าไม่ใช่ก็ส่งต่อไป อีกทั้งสามารถตรวจสอบความผิดพลาดในการส่งด้วย โดยกรณีที่ เครื่องรับปลายทางไม่ได้รับสัญญาณข้อมูลในเวลาที่กำหนด จะมีการแจ้งว่า เกิดความผิดพลาดในเครือข่ายได้อุปกรณ์เครือข่ายฮับ


2.ให้นิสิตนำตัวเลขในช่องขวา มาเติมหน้าข้อความในช่องซ้ายที่มีความที่สัมพันธ์กัน



…8… ซอฟต์แวร์ประยุกต์
1. ส่วนใหญ่ใช้ทำหน้าที่คำนวณ ประมวลผลข้อมูล
…6… Information
Technology
2. e-Revenue
…1… คอมพิวเตอร์ในยุค
ประมวลผลข้อมูล
3. เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่นำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความถูกต้องแม่นยำ และความรวดเร็วต่อการนำไปใช้
…3…เทคโนโลยีสารสนเทศ
ประกอบด้วย
4.มีองค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วน ได้แก่ Sender Medium และDecoder
…10…ช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการททำงาน
5. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการรับ-ส่งเอกสารจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งโดยส่งผ่านเครือข่าย
…7… ซอฟต์แวร์ระบบ
6. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
…9… การนำเสนอบทเรียนในรูปมัลติมีเดีย ที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ตามระดับความสามารถ
7. โปรแกรมที่ทำหน้าที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์
…5… EDI
8. โปรแกรมระบบห้องสมุดอัตโนมัติ จัดเป็นซอฟต์แวร์ประเภท
…4… การสื่อสาร
โทรคมนาคม
9. CAI
…2…บริการชำระภาษี
ออนไลน์
10. ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
  















วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แบบฝึกหัดบทที่ 3 การรู้สารสนเทศ


แบบฝึกหัด

บทที่ 3 การรู้สารสนเทศ                                กลุ่มเรียน   4
รายวิชา  การจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน
รหัสวิชา  0026008
ชื่อ-สกุล นางสาวมนต์ตรา ดาศรี  รหัส  56010215025

คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

1. ข้อใดเป็นความหมายที่ถูกต้องที่สุดของการรู้สารสนเทศ
  ก. ความสามารถในการกลั่นกลอง และประเมินค่าสารสนเทศที่หามาได้
  ข. ความสามารถในการตัดสินใจใช้สารสนเทศรูปแบบต่างๆ
  ค. ความสามารถของบุคคลในการสืบค้นและพัฒนาสารสนเทศ
  ง. ความสามารถของบุคคลในการเข้าถึง ประเมิน และใช้งาน                 สารสนเทศ
   
2. จากกระบวนการของการรู้สารสนเทศ ทั้ง ประการ ประการไหนสำคัญที่สุด
    ก. ความสามารถในการตระหนักว่าเมื่อใดจึงจะต้องการสารสนเทศ
    ข. ความสามารถในการค้นหาสารสนเทศ
    ค. ความสามารถในการประมวลผลสารสนเทศ
    ง. ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสารสนเทศอย่างมี
        ประสิทธิภาพ

3. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของผู้รู้สารสนเทศ
    ก. สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
    ข. สามารถใช้สารสนเทศในการดำเนินชีวิต
    ค. ชอบใช้คอมพิวเตอร์ในการเล่นเกม
    ง. ใช้คอมพิวเตอร์ในการแสวงหาสารสนเทศได้

4.ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของการรู้สารสนเทศ
    ก. โลกมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก โดยเน้นวัตถุนิยมมากขึ้น
    ข. ช่วยให้บุคคลประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต
    ค. สารสนเทศมีการเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว จนยากที่จะเข้าถึง
    ง. ช่วยบุคคลเป็นผู้ที่มีศักยภาพในการเรียนรู้ตลอดชีวิต

5. ข้อใดเป็นการเรียงลำดับขั้นตอนของกระบวนการเรียนรู้สารสนเทศที่ถูกต้อง
  1. ความสามารถในการประมวลสารสนเทศ
  2. ความสามารถในการประเมินสารสนเทศ
  3. ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสนเทศอย่างประสิทธิภาพ
 4. ความสามารถในการค้นหาสารสนเทศ
 5. ความสามารถในการตระหนักว่าเมื่อใดจึงจะต้องการสารสนเทศ

 ก. 1-2-3-4-5                 ข. 2-4-5-3-1   

 ค. 5-4-1-2-3              ง. 4-3-5-1-2


วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แบบฝึกหัด บทที่ 2 บทบาทสารสนเทศกับสังคม

แบบฝึกหัด

บทที่  บทบาทสารสนเทศกับสังคม                    กลุ่มเรียน   4
รายวิชา  การจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน
รหัสวิชา                                            0026008      
ชื่อ-สกุล นางสาวมนต์ตรา ดาศรี รหัส 56010215025

คำชี้แจง  จงตอบคำถามต่อไปนี้

1. ให้นิสิตหารายชื่อเว็บไซต์หรือเทคโนโลยีที่ให้บริการต่าง ๆ ตามหัวข้อเหล่านี้มาอย่างละ 3 รายการ

1.1  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสาขาการศึกษา

           http://www.msu.ac.th/
           http://www.acad.msu.ac.th/th/
           http://www.kaidee.com/c8-education/


1.2  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพธุรกิจ พาณิชย์ และสำนักงาน



           http://www.sso.go.th/
           http://www.boonrawd.co.th/
           http://www.ect.go.th/


1.3  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพการสื่อสารมวลชน


           http://www.thaitv3.com/
           http://www.bbc.com/
           http://www.bangkokpost.com/


1.4  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางอุตสาหกรรม


           http://www.fti.or.th/
           http://www.diw.go.th/
           http://www.diw.go.th/


1.5 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางการแพทย์


        www.bumrungrad.com
        www.bangkokhospital.com
        www.samitivejhospitals.com


1.6 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทหารตำรวจ


       http://www.royalthaipolice.go.th/
       http://www.cib.police.go.th/
       http://www.thailandtouristpolice.com/


1.7  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพวิศวกรรม

           http://www.acat.or.th/
           http://www.coe.or.th/
           http://www.thaiengineering.com/
              

1.8  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพด้าน 
       เกษตรกรรม


            http://www.doae.go.th/
            http://lemom-farm.blogspot.com/
            http://www.oknation.net/

            

1.9 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคนพิการ

ต่าง ๆ

         http://www.pwdsthai.com
         http://www.tdf.or.th
         http://www.service-pwdsthai.com/         

         
2. มหาวิทยาลัยมหาสารคามเตรียมเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการ

ศึกษาให้กับท่าน มีอะไรบ้าง บอกมาอย่างน้อย 3 อย่าง


        reg.msu.ac.th 
        http://www.msu.ac.th/ 
        http://www.acad.msu.ac.th/ 

        
       
3. ข้อ 2 จงวิเคราะห์ว่าท่านจะเอาเทคโนโลยีเหล่านั้น มาทำให้

เกิดประโยชน์ต่อตนเองอย่างไรบ้าง


     เเน่นอนเว็บไซต้ดังกล่าวมีประโญชน์ที่เเตกต่างกันอย่างเว็บไซต์เเรกเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียน ดูผลการเรียน นี้คงเป็นประโยชน์หลักๆที่เราได้รับ สำหรับเว็บไซต์มหาลัยเเน่นอนทำให้เราทราบข่าวสารต่างๆเกี่ยวกับมหาลัยบุคคลากรต่างๆสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เราควรรู้เนื่องจากเราอยู่ทีนี้เเละมันจะเป็นประโญชน์อย่างมากเพราะมันเป็นเรื่องใกล้ตัวเว็บไซตืต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งใกล้ตัวที่เราจะสามารถศึกษาหรือใช้งานจากมันได้ง่ายที่สุด ทำให้เราสามรถรับข้อมูลข่าวสารของทางมหาลัยได้ง่าย เเละรวดเร็วเทคโนโ,ยีดังกล่าวจึงมีประโยชน์ต่อเราอย่างมาก