1.
ประโยชน์ของแอปเปิล
รู้หรือไม่ว่า กินแอปเปิลวันละ 1 ผล ร่างกายแข็งแรง
แอปเปิลให้สารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและวิตามินซีเป็นหลัก
ซึ่งปริมาณวิตามินซีจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสายพันธุช่วงเวลาเก็บเกี่ยว และความสด
เนื้อแอปเปิล 100 กรัม
มีวิตามินซีประมาณ 6 มิลลิกรัม
และให้พลังงานราว 59 แคลอรี
ไม่ทำให้อ้วน แต่แอปเปิลก็มีสารอาหารที่มีประโยชน์ชนิดอื่นทดแทน
แบบที่เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าผลไม้อื่นแต่อย่างใดพลังงานที่ได้จากแอปเปิลมีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจคือ
แอปเปิลจะให้พลังงานค่อนข้างต่ำและค่อยเป็นค่อยไป เพราะแหล่งพลังงานของแอปเปิลคือ
น้ำตาลฟรักโทสซึ่งเป็นน้ำตาลที่เปลี่ยนรูปเป็นพลังงานอย่างช้า ๆ
ในร่างกายช่วยให้ไม่รู้สึกหิว อิ่มนาน ผลที่ตามมาคือ
ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
ไม่สูงเร็วเหมือนกินขนมหวาน จึงเหมาะกับคนไข้เบาหวานด้วยเช่นกันเปลือกและเนื้อของแอปเปิลมีเส้นใยอาหารที่ชื่อว่า
“เพคติน” ที่มีคุณสมบัติพองตัวได้มาก
ช่วยเพิ่มกากในทางเดินอาหาร ทำให้อวัยวะในทางเดินอาหารมีการทำงานเป็นปกติ
เพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่าย ซึ่งเป็นการช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
และยังช่วยจับคอเลสเตอรอลไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
ป้องกันโรคคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูงนอกจากนี้ แอปเปิลยังอุดมไปด้วยวิตามิน
เกลือแร่และสารอาหารที่มีประโยชน์อีกหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 6 ไบโอติน กรดโฟลิก กรดแพนโทเธอนิค
เกลือแร่ คลอไรด์ เหล็ก ทองแดง แมกกานีส แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม
ซิลิคอน และยังมีกรดอินทรีย์ 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก
ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน สารอาหารเหล่านี้
มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน โดยเฉพาะวิตามินซี และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์
ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในแอปเปิล จะช่วยป้องกันโรคหัวใจในผู้ทีรับประทานเป็นประจำ
แอปเปิล (Apple)
มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Malus Domestica มีถิ่นกำเนิดในประเทศอิหร่าน
ปัจจุบันได้แพร่ขยายไปทั่วทวีปยุโรป และอเมริกา แอปเปิลจึงจัดได้ว่าเป็นผลไม้เมืองหนาวที่นิยมรับประทานกันมากชนิดหนึ่ง
สำหรับประเทศไทยก็มีปลูกเหมือนกันแถว ๆภาคเหนือ เช่น ดอยอ่างขาง โดยแอปเปิลนั้นมักนิยมใช้รับประทานเป็นผลไม้สด
และอาจใช้ปรุงอาหารได้ด้วย เช่น สลัด แยม พาย ซอสแอปเปิลก็มีนะ
แต่ถ้าเป็นของไทยเราที่เห็น ๆกันก็ใช้ใส่น้ำยำ น้ำพริก เป็นต้นโดยคุณค่าทางโภชนาของแอปเปิลต่อน้ำหนัก
100 กรัม จะให้พลังงาน 52 kcal และ 220
kJ และยังประกอบไปด้วยวิตามิน
และแร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5
วิตามินบี6 กรดโฟลิก วิตามินซี ธาตุแคลเซียม
ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุสังกะสี ธาตุเหล็ก
และยังประกอบไปด้วย คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และ โปรตีน อีกด้วย เห็นไหมละว่าคุณประโยชน์เต็ม
ๆ สำหรับพันธุ์แอปเปิลคาดกันว่าทั่วโลกจะมีอยู่ประมาณ 4,000-5,000 ชิด โดยประโยชน์ของแอปเปิลแต่ละสายพันธุ์จะโดดเด่นแตกต่างกันไปตามสีของแอปเปิล
ประโยชน์ของแอปเปิลแต่ละสี
แอปเปิลสีแดง
แอปเปิลสีแดงเข้มที่เราเห็นกันอยู่นี้
เป็นแอปเปิลสายพันธุ์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุดเลยล่ะ
โดยสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในผิวแอปเปิลสีแดง ๆ
มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระมากเทียบเท่ากับวิตามินซีถึง 1,500 มิลลิกรัม
! ซึ่งเจ้าสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะไปทำหน้าที่ขัดขวางการเติบโตของเซลล์มะเร็งในร่างกาย
ทำให้ความเสี่ยงโรคมะเร็งลดลง รวมทั้งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ
นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
และยังช่วยป้องกันไม่ให้ผิวพรรณเกิดริ้วรอยแห่งวัย
แอปเปิลสีเขียว
แอปเปิลสีเขียว ขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้สำหรับการลดน้ำหนักเลยเชียวละ
เพราะรสชาติของแอปเปิลเขียวที่แตกต่างและมีน้ำตาลน้อย
ทำให้รับประทานได้แบบไม่กลัวอ้วน นอกจากนี้เปลือกเขียว ๆ
ของแอปเปิลเขียวก็ยังอัดแน่นไปด้วยประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นใยอาหารที่มีสูง
ช่วยในระบบขับถ่าย ทำให้ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
ระดับสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงซึ่งช่วยป้องกันโรคมะเร็งและริ้วรอยแห่งวัย รวมทั้งยังช่วยลดความอยากอาหารได้อีกด้วย
แอปเปิลสีเหลือง
แอปเปิลชนิดนี้เราอาจจะไม่ค่อยได้พบเห็นกันบ่อยนัก
แต่ประโยชน์ของแอปเปิลสายพันธุ์นี้นั้นมีมากมาย
ไม่ว่าจะประโยชน์ในเรื่องการบำรุงรักษาดวงตา
หรือช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
ไม่เพียงเท่านั้นแอบเปิ้ลสีเหลืองยังช่วยล้างสารพิษที่สะสมในตับออกจากร่างกาย
แอปเปิลสีชมพู
แอปเปิลที่ชมพูอมแดงมีปริมาณวิตามินซีมากถึง
1 ใน 4 ของปริมาณของวิตามินซีที่ควรได้รับต่อวัน
ซึ่งวิตามินซีนี้ก็มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
ช่วยทำให้ผนังของหลอดเลือดฝอยแข็งแรงมากขึ้น
แถมยังลดอาการเลือดออกตามไรฟันได้ดีทีเดียว
มีเรื่องสนุกอีกอย่างที่คนอาจไม่รู้ คือ
แอปเปิ้ลมีแก๊สตัวหนึ่งชื่อว่า “เอทีลีน” (Ethylene) ถ้าเราเผลอนำแอปเปิลที่กัดแล้วคำหนึ่งไปใส่ไว้ในตู้เย็น
รวมกับกล้วย หรือผลไม้อื่น ๆ จะทำให้ผลไม้อื่นเน่าได้ โดยแก๊ส “เอทีลีน” เหมือนกับแก๊สที่ชาวบ้านใช้บ่มผลไม้
ดังนั้น ถ้ากัดกินแอปเปิลแล้วเหลือต้องใส่ถุงมัดปากให้ดีไม่ให้แก๊สออกมาได้
ราคาแอปเปิ้ลถูกกับแพงแตกต่างกันหรือไม่ ? นพ.กฤษดา
กล่าวว่า ส่วนตัวก็กินแอปเปิ้ลราคาถูก
ซึ่งต้องระวังเรื่องสารปนเปื้อนที่ติดมากับเปลือก อาทิ สารเคลือบ หรือยาฆ่าแมลง
โดยธรรมชาติแอปเปิ้ลมีการสร้างไขออกมาเคลือบลูกแอปเปิ้ลอยู่แล้ว
ผิวจึงมันตามธรรมชาติ แต่บางครั้งเวลานำมาจำหน่ายอาจมีการแว็กซ์เพิ่ม ดังนั้น
ก่อนกินควรล้างให้สะอาด แต่อย่าถึงขั้นล้างจนผิวด้าน
เพราะอาจทำให้วิตามินหายไปและเหี่ยวเร็ว เวลาจะกินค่อยล้างดีกว่า อย่าล้างไว้มาก ๆ
แล้วใส่ตู้เย็นทิ้งไว้
อ้างอิง
ผู้หญิงดีๆ มันหาไม่ยากหรอก
ตอบลบแค่ไม่สวยเฉยๆ เลยไม่มีใครเอาjoker123
แอบเปิ้ลมีประโยชน์เยอะ gclub
ตอบลบ